โดนด้อยค่าเพราะเป็นคนอีสาน ลืมตาดูโลกก็ตกเป็นรอง
บ้านเกิด ‘ก้อง ห้วยไร่’ หอบลูก 3 รับคบซ้อน จบไม่สวยแบ่งกันลงตัวได้คนละ 9 แสน
ปมดราม่าซุกลูก ชี้แจงเหตุผลที่ต้องปกปิดเรื่องมีลูกแล้วถึง 3 คน สองคนแรก น้องปิ๊ง กับ น้องปลื้ม ซึ่งเกิดกับภรรยาคนแรกที่เลิกรากันไปนานหลายปีแล้ว รวมถึง น้องไข่เจียว
ลูกชายวัยขวบกว่า ที่เกิดกับ เบล ภรรยาคนปัจจุบัน พร้อมทั้งยอมรับว่าตนคบซ้อนระหว่างนักร้องสาว เอ๋ พัชรพร อดีตคู่หมั้น กับ เบล ขนิษฐา ภรรยาคนปัจจุบัน
เรื่องที่เปิดตัวครอบครัวกลายเป็นดราม่า? “มันเป็นความผิดของตัวเราเอง เพราะผมก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ เจตนาคือเห็นแก่ตัวมาก กลัวว่าความนิยมที่เราเคยได้รับ มันจะหายไปหรือเปล่า มันเป็นความคิดของเด็กบ้านนอก
แล้วมีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ มันก็เลยคิดไปต่างๆนานาให้ตัวเองรอด แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำลายความรู้สึกพี่น้องแฟนเพลง ผมต้องขอโทษ (ยกมือไหว้) ทุกๆคนนะครับ
แล้วก็มีพี่สื่อที่เขาพยายามถามผมตลอดว่ามีภรรยาหรือยัง มีลูกจริงไหม ผมก็โกหกเขามาตลอด เพราะเจตนาเหมือนเดิม เพราะคิดว่าฉันจะปกปิด มันเป็นความเห็นแก่ตัว ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ขอโทษด้วย”
พอเบลรู้เรื่องเลิกเอ๋เพราะมาคบเบลเขาว่าไงบ้าง? “มันรักกันไปแล้ว ผมกับเบลยอมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษเอ๋ด้วยที่ไม่ได้คุยกันตั้งแต่วันที่ตัดสินใจเลิก เพราะว่าผมกับเอ๋ได้หมั้นกัน
โดยเป็นพิธีของอีสาน ก็คือผูกข้อต่อแขนยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน “ ได้คุยได้เคลียร์กับเอ๋บ้างไหม? “ยังไม่ได้คุยกับเอ๋ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแยกทางกัน
ด้วยความที่เป็นคู่หมั้นแล้วแยกทางกัน ผมเป็นคนผิดสัญญาหมั้น เพราะผมเป็นคนเลิก เงินที่หมั้นหมาย ผมก็ให้เอ๋ไป โดยที่ไม่ได้ทวงคืน ซึ่งมันก็เป็นส่วนตรงนั้นไป
แต่ส่วนที่เอ๋ออกมาพูดก็คือรายได้จากการทำงานของผม ซึ่งผมก็บอกว่าเอางี้นะเอ๋นะ ถึงไม่สามารถจะใช้คำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข เพราะตอนนั้นผมเป็นเน็ตไอดอลแล้ว มีคนรู้จักจากการดีดกีตาร์ลงสื่อ
จากเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน จนพี่กบเอามาทำเป็นเพลงแล้ว แต่เราก็อยู่ในฐานะคู่หมั้นกัน เงินที่เราหาได้ทุกบาททุกสตางค์ เราแบ่งกันคนละครึ่งได้ไหม ตัวผมเอง ผมก็ต้องใช้ชีวิตต่อ ผมก็ต้องมีค่าใช้จ่าย
ผมต้องให้เงินเดือนพ่อแม่ พี่สาวและหลานๆ ที่ผมเคยพูดไปครับ ก็เลยขอเอ๋มา ซึ่งเป็นเงิน 1.8 ล้านบาท ก็แบ่งกันได้คนละ 9 แสน ณ ตอนนั้นครับ”
แต่มันก็จบไม่สวยเท่าไหร่? “จบไม่สวย เพราะว่าผมเป็นคนที่คบซ้อนครับ ผมเป็นคนคบซ้อนแล้วก็ทำให้เขาต้องเสียใจ
ทั้งนี้ ก้องบอกว่า เมื่อ 14 ปีก่อน ก้องได้เข้ามาเรียนใน กทม. การจะพูดภาษาถิ่นเป็นเรื่องที่ถูกด้อยค่า ภาพจำของคนอีสานคือคนใช้แรงงาน ถูกถ่ายทอดมาซ้ำแล้วซ้พเล่าผ่านสื่อต่าง ๆ
คนอีสานมีบทบาทในภาพยนตร์และละครคือ การเป็นคนรับใช้ คนขับรถ คนใช้แรงงาน “อย่าปล่อยให้ความเชื่อแบบนี้ อยู่กับสังคมเราอีกต่อไปนะครับ หนึ่งคนมีหนึ่งชีวิตเท่าเทียมกัน
หนึ่งคนมีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทุกคนบนโลกเป็นแค่สิ่งมีชีวิต ที่มีเกิดมาไม่ต่างกัน ความเท่าเทียมกันควรบังเกิดบนโลกใบนี้ครับ”